
ไฮเดรนเยีย (อังกฤษ : hydrangea) เป็นสกุลของพืชมีดอก 70-75 ชนิดที่เป็นพืชพื้นเมืองในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น คาบสมุทรเกาหลี เทือกเขาหิมาลัย อินโดนีเซีย) อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ความหลากหลายส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น คาบสมุทรเกาหลี
ประวัติไฮเดรนเยีย
ไฮเดรนเยีย (Hydrangea) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hydrangea macrophylla (Thunb.) Ser. อยู่ในวงศ์ Hydrangeaceae เป็นพืชพื้นเมืองในแถบเอเชียตะวันออก อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ มีถิ่นกำเนิดมาจากจีนและญี่ปุ่น โดยสายพันธุ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็นลูกผสมทั้งสิ้น ซึ่งสำหรับชื่อ ไฮเดรนเยีย (Hydrangea) นั้นมีที่มามาจากภาษากรีกที่แปลว่า Bowl of Water ซึ่งก็มาจาก Water (Hydro) และ Vessel (Angeion)
โดยในต่างประเทศมักจะรู้จักดอกไม้ชนิดนี้ในชื่อ ฮอร์เดนเชีย (Hortensia) ส่วนในไทยก็มีคนเรียกว่า ดอกสามเดือนบ้าง ดอกหกเดือนบ้าง ซึ่งต้องบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วคนไทยเรารู้จักกับไฮเดรนเยียมาอย่างยาวนาน โดยคาดกันว่าเป็นพรรณไม้นำเข้าจากต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว เนื่องจากพระองค์มักจะชอบนำดอกไม้นานาชนิดเข้ามาปลูกในพระราชวังอยู่เสมอ
ซึ่งจุดเด่นของดอกไม้ชนิดนี้ นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ก็จะอยู่ที่บางพันธุ์สามารถเปลี่ยนสีของดอกได้ตามค่าความเป็นกรด-ด่าง ของดิน จึงทำให้ผู้คนทั่วไปชื่นชอบการปลูกดอกไม้ชนิดนี้กันมาก
ความหมาย
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความนุ่มนวลน่าสัมผัส อีกทั้งยังมีความหมายแฝงแทนคำขอบคุณ เช่น ขอบคุณที่เข้าใจกันหรือขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน ทว่าบางคนก็บอกว่าดอกไม้ชนิดนี้สื่อถึงความเย็นชา เนื่องจากสามารถทนกับอากาศหนาวได้เป็นอย่างดี

ลักษณะ
- ลำต้น : ไฮเดรนเยียเป็นไม้ดอกอายุนานหลายปี ลำต้นเป็นทรงพุ่มกว้าง สูงประมาณ 1-3 เมตร อาจจะผลัดใบหรือไม่ผลัดใบก็ได้
- ใบ : ไฮเดรนเยียมีใบเป็นรูปไข่ ปลายแหลม โคนมน ใบค่อนข้างกว้าง หนา ส่วนขอบใบจะหยักแบบฟันเลื่อย
- ดอก : ไฮเดรนเยียออกดอกเป็นช่อ เกิดที่ปลายยอด โดยแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยดอกย่อยเล็ก ๆ มากมาย โดยแต่ละชนิดก็จะออกดอกสีสันแตกต่างกันออกไป มีทั้งสีขาว สีแดง สีชมพู สีม่วง และสีฟ้า ซึ่งก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าจุดเด่นของไฮเดรนเยียนั้นอยู่ที่ดอกสามารถเปลี่ยนสีได้ตามค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน กับปริมาณของฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ดังนั้นถ้าอยากให้ดอกมีสีน้ำเงินก็ต้องทำให้ดินปลูกมีสภาพเป็นกรด แต่ถ้าหากอยากได้ดอกสีชมพูหรือสีม่วง ก็ให้ทำให้ดินมีค่าเป็นด่าง ส่วนดอกที่มีสีครีมซีดจะเกิดจากดินที่มีสภาพเป็นกลางนั่นเอง
ประโยชน์และสรรพคุณของไฮเดรนเยีย
- นอกจากความสวยงามและความสดใสของดอกไฮเดรนเยียที่ใช้ในการประดับตกแต่ง, มันยังมีความหมายแฝงที่สื่อถึงความนุ่มนวลและความขอบคุณ. บางครั้งมันยังแสดงถึงความเย็นชาเนื่องจากความทนทานของมันต่ออากาศหนาว
- ดอกไฮเดรนเยียยังมีสรรพคุณในด้านการรักษาสุขภาพ เช่น ใช้ในการรักษาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ, ท่อปัสสาวะอักเสบ, ต่อมลูกหมากอักเสบ, และโรคนิ่วในไต นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเปลือกของไฮเดรนเยียช่วยลดอาการปวดท้อง ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และมีส่วนช่วยในการลดอาการคลื่นไส้ อีกทั้งยังใช้สกัดรากของไฮเดรนเยียเพื่อรักษาอาการไข้มาลาเลียและอาการไข้
วิธีปลูกไฮเดรนเยีย
ไฮเดรนเยียเป็นพืชที่นิยมปลูกและขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ โดยควรปักชำในฤดูร้อนหรือฤดูฝนจะเหมาะที่สุด ซึ่งวัสดุในการปักชำที่ควรใช้ก็ได้แก่ ขุยมะพร้าวหรือถ่านแกลบกับทรายหยาบ ในอัตรา 2:1 ส่วน จากนั้นก็นำกิ่งไฮเดรนเยียที่ยังไม่ออกดอก ความยาวประมาณ 5-6 นิ้ว มาถอนใบคู่ล่างออก พร้อมตัดใบออกครึ่งหนึ่งเพื่อลดการคายน้ำ
จากนั้นก็ปักก้านลงไปในวัสดุปลูก สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ เมื่อเริ่มมีจำนวนและรากที่ยาวเพิ่มขึ้นก็ย้ายลงดินได้เลย โดยดินที่ใช้ในการปลูกควรเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี และมีความชื้นสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าใครที่ปลูกลงในแปลงปลูก ก็ให้ปลูกแบบสลับฟันปลา เพราะต้นไม้ชนิดนี้เป็นทรงพุ่มกว้าง ถ้าปลูกติดกันจะเบียดจนทรงไม่สวย และเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ควรปลูกในที่ร่มและมีอากาศเย็นที่อุณหภูมิประมาณ 14-18 องศา ชอบแสงแดดรำไร ระวังอย่าให้ต้นโดนแสงแดดจัด ๆ นาน ๆ เพราะอาจจะทำให้ใบอาจจะไหม้และตายได้
ติดตามไม้ประดับเพิ่มเติม :: ต้นไม้แปลกๆ