
เบญจมาศ หรือ สกุลเบญจมาศ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Chrysanthemum, เดิมชื่อ Dendranthemum; อังกฤษ: Chrysanthemum; จีน: 菊属; พินอิน: jú shǔ เป็นสกุลไม้ตัดดอกในวงศ์ทานตะวัน ที่นิยมปลูกเป็นต้นไม้ประดับ, ตัดขาย, และใช้เป็นอาหาร มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก หลังจากกุหลาบ (ปี 2537) เนื่องจากมีลักษณะที่งดงาม, สีสันสดใส, ง่ายต่อการเลี้ยง, และมีหลายสายพันธุ์ให้เลือก มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นและจีน
ดอกเบญจมาศที่นิยมมากที่สุดคือ เบญจมาศสวน (Chrysanthemum indicum Linn.) และเบญจมาศหนู (Chrysanthemum morifolium Ramat.) ซึ่งรวมกันเรียกว่า “ดอกเก๊กฮวย” (จีน: 菊花; พินอิน: júhuā) มักถูกนำมาตากแห้ง, ใช้ชงกับใบชา, หรือต้มกับน้ำตาลเพื่อทำน้ำเก๊กฮวย มีหลายสายพันธุ์ที่มีอยู่
มี 4 ประเภทของเบญจมาศที่นิยมปลูกเป็นต้นไม้ตัดดอก
- Exhibition Type: มีดอกขนาดใหญ่มาก, รูปทรงกลม, ลำต้นสูงใหญ่, แต่ละต้นเลี้ยงให้มีเพียงดอกเดียว, มักปลูกสำหรับการโชว์
- Standard Type: มีดอกขนาดเล็กกว่า Exhibition Type, แต่ละต้นเลี้ยงให้มี 3-4 กิ่ง และแต่ละกิ่งให้มีเพียงดอกเดียว
- Spray Type: มีดอกขนาดเล็กกว่า Standard Type, แต่แต่ละกิ่งมีหลายดอก, และมี 3-4 กิ่งต่อต้นหรือมากกว่านี้, อย่างไรก็ตาม, ตัดดอกขายในรูปกิ่งหรือต้นเต็มก็ได้
- Potted Type: มีดอกขนาดเล็กกว่า Spray Type, ใช้ปลูกในกระถาง, มีทรงพุ่มกระทัดรัด, สามารถแตกกิ่งก้านได้มาก
เบญจมาศ มีสายพันธุ์เบญจมาศกว่า 1,000 สายพันธุ์ที่ปลูก สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทยคือ Standard Type สีเหลืองและสีขาว และสายพันธุ์ที่นิยมปลูกในขณะนี้รวมถึง พันธุ์ขาวการะเกด, พันธุ์ขาวเมืองตาก, และพันธุ์ TW12 (Pui Tsin-Shin) ที่มีดอกสีขาว สายพันธุ์เหลืองตาก, พันธุ์เหลืองทอง, พันธุ์เหลืองอินทนนท์, พันธุ์เหลืองเกษตร, และพันธุ์ TW17 (Shin-Fan-Tsu-Ri) ที่มีดอกสีเหลืองอีกด้วย

ในการขยายพันธุ์ของเบญจมาศ, มีวิธีการหลายวิธีดังนี้
- การปักชำ: ใช้ส่วนของกิ่ง (จากกิ่งส่วนล่างหรือส่วนโคนของพุ่มต้น) ตัดยาว 5 – 10 ซม. และมีใบติด 3-4 ใบ ปลิดใบล่างๆออก จากนั้นจุ่มในสารเคมีเร่งราก รากจะออกประมาณ 10 – 15 วัน
- การแยกหน่อ: หลังจากให้ดอกแล้ว, จะแตกหน่อจำนวนมาก ซึ่งสามารถแยกเอาหน่อที่มีรากติดอยู่ไปปลูกต่อได้
ในกระบวนการปลูกและเลี้ยงเบญจมาศ, ควรให้ความสำคัญกับการเลือกที่ปลูกในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์, มีการระบายน้ำอย่างดี, และมี pH ดินระหว่าง 6 – 7. ต้องรักษาการรดน้ำอย่างเหมาะสมโดยให้น้ำในระยะ 7 – 10 วัน หลังจากย้ายปลูกควรรดน้ำให้ช่วงเช้าและเย็น หลังจากต้นกล้าตั้งตัวแล้ว, จะต้องใส่ปุ๋ยในอัตรา 3:2:1 ทุก 7 วันเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้น หลังจากปลูก 2 เดือนจะให้ปุ๋ยอัตรา 1:2:1 ทุก 10 วันเพื่อส่งเสริมการออกดอก ในแต่ละครั้งให้ปุ๋ยต้นละ 1 ช้อนชา
เมื่อต้องการให้ดอกเบญจมาศมีขนาดใหญ่, ควรปลิดดอกที่ล้อมรอบดอกยอดและดอกที่แตกตามซอกใบทั้งหมด ให้แต่ละกิ่งเหลือดอกยอดเพียงดอกเดียว. ควรปลิดดอกข้างเมื่อมีขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ, มิฉะนั้นดอกยอดจะมีขนาดเล็กและก้านดอกจะเหนียวขึ้น. ถ้าปลิดดอกเร็วเกินไปจะปลิดลำบากเนื่องจากดอกข้างจะทะยอยออกมาเรื่อยๆ. ศัตรูของเบญจมาศที่ควรระวังไว้ใจรวมถึงโรคใบจุด, โรคใบเหี่ยว, โรคใบแห้ง, โรคดอกเน่า, เพลี้ยไฟ, เพลี้ยอ่อน, หนอนผีเสื้อกินดอก, และไรแดง. การรักษาและควบคุมโรคและแมลงศัตรูเป็นสิ่งสำคัญในการปลูกเบญจมาศอย่างสมบูรณ์และสวยงาม
ติดตามไม้ประดับเพิ่มเติม :: ต้นไม้หายาก